บัตรรถไฟใต้ดิน : RFID

เพิ่งเห็นข่าวเมื่อไม่นานมานี้ว่าบัตรโดยสารของรถไฟฟ้าจะปรับปรุงให้ใช้แบบของรถไฟใต้ดินได้ (ก็คือจะให้ใช้บัตร RFID ได้น่ะแหละ)
จะว่าไป RFID (ย่อมาจาก Radio Frequency Identification) ก็ใช้งานสะดวกมากกว่าบัตรรถไฟฟ้าเดิม คุณสมบัติที่สำคัญของ RFID ก็คือการสื่อสารระหว่างบัตรและเครื่องด้วยคลื่นวิทยุ ทำให้ไม่ต้องสอดบัตรเวลาจะผ่านประตู (ภาษาอังกฤษใช้ศัพท์ว่า contactless) ซึ่งทำให้ลดเวลาในการเดินผ่านเครื่องตรวจตั๋ว
เราก็เอามาคิดต่อไปว่า ถ้าใช้บัตรใบเดียวจ่ายค่าโดยสารของระบบขนส่งมวลชนต่าง ๆ กันได้ก็คงจะดี เราหมายถึงว่าอยากให้รถเมล์รับบัตรนี้ด้วย แทนการเก็บเงินซึ่งออกจะวุ่นวาย ไหนจะต้องเตรียมเหรียญเวลาจะขึ้นรถเมล์ ไหนจะทอนเงินอีก แต่เราก็ไม่รู้ว่าระบบรถเมล์ของกรุงเทพฯ เป็นยังไง เพราะว่ามีหลายบริษัท
อย่างที่ฮ่องกง เค้าใช้บัตร RFID ใบเดียวแทนเงินสดทำได้เยอะมาก ขึ้นรถเมล์ ลงรถไฟใต้ดิน ซื้อของในเซเว่น จริง ๆ เราก็ได้ไอเดียวิธีการใช้บัตร RFID จากคนฮ่องกงแหละ เพราะบัตรเค้าออกแบบมาให้สื่อสารได้แม้ระยะระหว่างบัตรกับเครื่องอ่านจะไกลได้เกือบ 10 cm (จำตัวเลขจริง ๆ ไม่ได้อะ) เพราะเห็นคนที่นู่นใส่บัตรไว้ในกระเป๋าถือ ถึงเวลาก็ยกทั้งกระเป๋าทาบกับตัวเครื่องอ่าน ไม่จำเป็นต้องหยิบบัตรออกมาจากกระเป๋า
แก้ไข 20 ส.ค. 49

4 thoughts on “บัตรรถไฟใต้ดิน : RFID

  1. …อืม ที่ญี่ปุ่น บัตรรถไฟ มีทั้งแบบ RFID และแบบ บัตรแม่เหล็กธรรมดา มันก็ไม่ช้านะ
    แต่ที่นี่ ประตูทางเข้า (gate-ที่ต้องสอดบัตรอะ) มันจะเปิดไว้ตลอด แต่ถ้าเดินผ่านโดยไม่สอดบัตร มันจะปิด แต่ของไทยเนี่ย มันจะปิดเอาไว้ ต้องสอดบัตร มันถึงจะเปิด
    คนญี่ปุ่นเค้าบอกว่า (ฟังมาจากวีอีกที..) ถ้ามันเปิดเอาไว้เป็น default เนี่ย จะทำให้คนผ่านเข้าออกได้เร็วกว่า
     
    ส่วนบัตรที่ใช้ได้หลายๆที่ … ได้ข่าวว่าเมืองไทยก็กำลังทำไม่ใช่เหรอ จำได้ว่าติกเคยเล่าให้ฟัง ว่าใช้บัตรอะไรซักอย่างซื้อของที่..ร้านสะดวกซื้อซักยี่ห้ออะ จำไม่ได้ บอกว่า จะได้ลดการใช้เหรียญกับแบงค์ลง
     
    แต่เราว่า บัตรที่ใช้ได้หลายๆอย่าง มันก็น่ากลัวนะ หายทีก็ซีดเลย …

  2. เห็นด้วยกับที่ว่าหายทีแล้วซีด ยิ่งคนที่ทำของหายเป็นงานอดิเรกอย่างเราด้วย (เมื่อ 4 ปีก่อน เราทำกระเป๋าสตางค์หายปีเดียว 5 ครั้งอะ)
     
    ส่วนเรื่องอื่น แหะ ๆ ไม่อยากบ่นมาก เพราะเราไม่ชอบประเทศตัวเองเอาซะเลย – -"

  3. ปัญหาของรถเมล์ไทยไม่ได้อยู่ที่ความช้าของการจ่ายตังค์นี่ ปัญหาของมันคือ ยังมีไม่พอในเวลาที่ต้องการ และจูงใจให้คนที่ใช้รถมาใช้ต่างหากe-purse นี่โดยระบบยังไม่นิ่งเลย ถ้ามันสามารถตรวจสอบว่าใช้เงินวันละเท่าไหร่ เสียไปกับอะไรบ้างคงดีนะ (ประมาณเข้าเว็บแล้วก็พล็อตกราฟออกมาได้ แบบ Google Analytic) นอกเรื่องก็คือถ้ามือถือค่ายไหนทำแบบนี้ได้คงดี

Leave a comment